วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562

น้ำลดวังผุด ! ตะลึงอาณาจักรโบราณ 3,400 ปี โผล่นาทีอิรักแล้งจัด

น้ำลดวังผุด ! ตะลึงอาณาจักรโบราณ 3,400 ปี โผล่นาทีอิรักแล้งจัด น้ำลดวังผุด – ซีเอ็นเอ็น รายงานการค้นพบซากพระราชวัง อายุ 3,400 ปี ปรากฏขึ้นกลางอ่างเก็บน้ำของเขื่อนโมซุล ริมฝั่งแม่น้ำไทกริส หลังเกิดภาวะแล้ง จนระดับน้ำลดลง ที่ภูมิภาคเคอร์ดิสถาน ภาคเหนือของประเทศอิรัก พระราชวังดังกล่าว มีร่องรอยตั้งอยู่ห่างจากแม่น้ำราว 20 เมตร ตั้งอยู่บนทางลาดที่สูงกว่า จากนั้นมีกำแพงก่อโคลนกั้นลดหลั่นเป็นชั้นตามมา เพื่อเสริมให้อาคารมั่นคงขึ้น ปรากฏเป็นรูปแบบทางสถาปัตยกรรม การค้นพบดังกล่าว นำทีมโดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันและชาวเคิร์ด ทีมงานหวังว่าการขุดค้นต่อไปนี้จะช่วยให้ได้ข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับอาณาจักรมิตตานี (Mittani Empire) อาณาจักรที่นักโบราณคดีมีข้อมูลน้อยมากที่สุดในบรรดาอาณาจักรโบราณตะวันออกใกล้ หรือประเทศบริเวณเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึงอิหร่าน “การค้นพบครั้งนี้เป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคนี้ช่วงไม่กี่ทศวรรษมานี้” นายฮาซัน อาเหม็ด คาซิม กล่าว ไอวานา พูลจิซ นักโบราณคดีจากสถาบันศึกษาภูมิภาคตะวันออกใกล้ มหาวิทยาลัยทูบิงเงิน กล่าวว่า พระราชวังแห่งนี้มีชื่อเป็นที่รู้จักว่า เคมูน ออกแบบและสร้างกำแพงด้วยอิฐโคลน หนากว่า 2 เมตร กำแพงบางส่วนสูงเกิน 2 เมตร และมีห้องมากมายที่ก่อกำแพง ทีมงานยังพบภาพระบายสีที่กำแพง เป็นสีแดงและสีฟ้า อันเป็นสีของพระราชวังในยุคนั้น แต่ไม่ค่อยพบว่ารักษาไว้ได้มากนัก “การค้นพบภาพระบายสีที่กำแพงในวังเคมูนเป็นเรื่องเร้าใจทางโบราณคดีอย่างยิ่ง เคมูนเป็นเพียงโบราณสถานแห่งที่สองที่พบในภูมิภาคนี้และปรากฏภาพระบายสีในยุคมิตตานี” นักโบราณคดีหญิงกล่าว พร้อมแสดงภาพโบราณวัตถุที่ค้นพบ มีทั้งแผ่นจารึกดินในอักษรลิ่ม ซึ่งทีมงานถ่ายภาพข้อความเพื่อส่งไปแปลที่เยอรมนีแล้ว พูลจิซกล่าวด้วยว่า ทีมงานหวังอย่างยิ่งที่จะได้ข้อมูลภายในโครงสร้างภายในอาณาจักรมิตตานี เช่น องค์การเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวงของมิตตานีกับศูนย์การบริหารงานในภูมิภาคเพื่อนบ้าน เป็นต้น โบราณสถานแห่งนี้เริ่มเป็นที่สังเกตครั้งแรกในปี 2553 เมื่อระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำลดต่ำลง แต่ครั้งนี้ในปี 2562 เป็นครั้งแรกที่นักโบราณคดีขุดค้นลงไปยังพื้นที่ได้ เพียงแต่น่าเสียดายว่า ซากพระราชวังปรากฏในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อขุดได้ไม่นานก็จมลงไปอีก และไม่แน่ชัดว่าจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นอีกเมื่อใด  ที่มา https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2667696

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น