วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2564

พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย-ไม่ใช่ที่อินเดียหรือเนปาล โดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์1 "ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่เราทราบ หากเราทราบมาผิดๆ ประวัติศาสตร์ก็ผิดด้วย" คำกล่าวนี้ อาจเป็นจริง สำหรับประวัติพระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดในชมพูทวีปและถือว่าอยู่ที่ดินแดนของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ แต่ถูกฝรั่งบิดเบือนว่า พุทธศาสนาเกิดขึ้นในอินเดียและเนปาล ! !!!!"เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว อินเดียเป็นดินแดนที่ไม่มีประวัติศาสตร์หรือ วัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเป็นดินแดนที่ มคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมากอ่ นประวตั ศิ าสตร์ มีความโดดเด่นในด้านวฒั นธรรม ที่มีเอกลักษณ์และความต่อเนื่องมายาวนาน....” Dervla Murphy แห่ง Irish เขียนแสดงความชื่นชมหนังสือของ John Keay ชื่อ India Discovered: The Recovery of a Lost Civilization. หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้ทราบความเป็นมา ของการค้นคว้าด้านโบราณคดีที่ทำให้ฝรั่งเขียนประวัติพระพุทธศาสนาจนทำ ให้พระพุทธองค์กลายเป็นชาวอินเดีย พระเจ้าของไทย (The Thai God) ทรงพระนามว่า Pout หรือ Codom มี ปรากฏในบันทึกของชาวฝรั่งเศส (M. Simon de le Loubere เอกอัครราชทูต ฝรั่งเศสประจำสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) ก่อนที่ชาวอังกฤษ จะเข้ามามีอำนาจในอินเดีย โดยได้บันทึกไว้ว่า “พระเจ้า” ของไทย เป็นที่ เคารพนับถือในกภูมิภาคต่างๆ ในอินเดียเป็นพันปี และเป็นองค์เดียวกับ เทพ เจ้าของชาว Ceylon ที่ชื่อ Buddha or Gautama ผู้ที่ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้คือ ชาว อังกฤษชื่อ William Chambers ผู้ค้นพบโบสถ์ที่ Mahabalipurum (Keay, pp.66-67) ทว่า ประเทศอินเดีย กลายเป็นอู่วัฒนธรรมได้อย่างไร และทำไม “พระเจ้า” ของ”ไทย คือ พระพุทธองค์ และ พระพุทธศาสนาจึงถูกโยกย้ายจากแหล่งเกิดในสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ไปยัง อินเดีย ทำไมฝรั่งจึงไม่เฉลียวใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฉบับดั้งเดิมและหลักฐานจารึกและใบ ลานที่มีอยู่แล้วอย่างมากมายมหาศาลในประเทศต่างๆ ในสุวรรณภูมิ คำตอบก็มีอยู่แล้วในงานเขียนของนักโบราณคดีอังกฤษ ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนหลายแห่งในหนังสือของ John Keay

 


พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทย-ไม่ใช่ที่อินเดียหรือเนปาล

โดย

ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์1

"ประวัติศาสตร์ คือสิ่งที่เราทราบ หากเราทราบมาผิดๆ ประวัติศาสตร์ก็ผิดด้วย"

คำกล่าวนี้ อาจเป็นจริง สำหรับประวัติพระพุทธศาสนา ซึ่งเกิดในชมพูทวีปและถือว่าอยู่ที่ดินแดนของไทย

ลาว เขมร พม่า และมอญ แต่ถูกฝรั่งบิดเบือนว่า พุทธศาสนาเกิดขึ้นในอินเดียและเนปาล

!

!!!!"เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว อินเดียเป็นดินแดนที่ไม่มีประวัติศาสตร์หรือ

วัฒนธรรม ปัจจุบันกลายเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเป็นดินแดนที่

มคี วามเจรญิ รงุ่ เรอื งมากอ่ นประวตั ศิ าสตร์ มีความโดดเด่นในด้านวฒั นธรรม

ที่มีเอกลักษณ์และความต่อเนื่องมายาวนาน....” Dervla Murphy แห่ง Irish

เขียนแสดงความชื่นชมหนังสือของ John Keay ชื่อ India Discovered: The

Recovery of a Lost Civilization. หนังสือเล่มนี้ทำให้เราได้ทราบความเป็นมา

ของการค้นคว้าด้านโบราณคดีที่ทำให้ฝรั่งเขียนประวัติพระพุทธศาสนาจนทำ

ให้พระพุทธองค์กลายเป็นชาวอินเดีย

พระเจ้าของไทย (The Thai God) ทรงพระนามว่า Pout หรือ Codom มี

ปรากฏในบันทึกของชาวฝรั่งเศส (M. Simon de le Loubere เอกอัครราชทูต

ฝรั่งเศสประจำสยามในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก่อนที่ชาวอังกฤษ

จะเข้ามามีอำนาจในอินเดีย โดยได้บันทึกไว้ว่า พระเจ้า” ของไทย เป็นที่

เคารพนับถือในกภูมิภาคต่างๆ ในอินเดียเป็นพันปี และเป็นองค์เดียวกับ เทพ

เจ้าของชาว Ceylon ที่ชื่อ Buddha or Gautama ผู้ที่ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้คือ ชาว

อังกฤษชื่อ William Chambers ผู้ค้นพบโบสถ์ที่ Mahabalipurum (Keay,

pp.66-67)

บทนำ:
ที่มาแห่งการวิจัยว่า พระพุทธเจ้าประสูติในอินเดียจริงหรือ
ที่มาของการวิจัยเกิดจากความคิดที่ว่า พระพุทธเจ้า น่าจะไม่ได้อุบัติขึ้นในอินเดียโบราณ และมีคนไทยเป็นจำนวนมากไม่เชื่อเช่นนั้น เมื่อเราทำการวิจัยและประกาศว่า พระพุทธเจ้าและสาวกไม่ได้เกิดในอินเดียหรือเนปาล ผู้ฟังก็เกิดปฏิกริยา บางคนถามว่า "คิดได้อย่างไรนี่" หรือ "เหลวไหล เพ้อฝัน ไร้สาระ ไม่มีอะไรจะทำหรืออย่างไร ทำไมไม่มุ่งดับทุกข์ตามคำสอนของพระองค์ มากกว่าที่จะมาพิสูจน์เรื่องอย่างนี้ สำคัญมากนักหรือว่า พระพุทธเจ้าจะเป็นชนชาติใด ผิดมากไหมหากจะไม่เห็นด้วย?
        ทีมผู้วิจัยเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะไม่ผิด ที่ต้องพิสูจน์ว่า พระพุทธองค์ เป็นชนชาติไทย ใครเห็นว่า ไม่สำคัญก็คงบังคับไม่ได้ หากพ่อแม่เราเป็นคนไทย แล้วมีฝรั่งมาบอกว่า เรา เป็นแขก เราก็คงไม่รับ จริงไหม? แต่นี่ เป็นเรื่ององค์พระศาสดาที่เราเคารพเทิดทูน อยู่ๆ ก็มีฝรั่งที่จะมุ่งหวังลาภสักการะ หรือผลทางการเมืองอะไรก็ช่างเถอะ มาทำการเปลี่ยนแปลงประวัติพระพุทธศาสนา เพื่อแสดงว่า เชื้อชาติของเขายิ่งใหญ่ และพวกเขาก็ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา มาเขียนประวัติพุทธศาสนาใหม่ ต้องถามถึงความชอบธรรมด้วยว่า เขามีความชอบธรรมที่จะมาตู่เอาพระพุทธเจ้าของพวกเราไปเป็นแขกได้หรือ
         ปฐมเหตุแห่งความสงสัยเกิดจากคำถามและข้อสังเกตบางประการ อาทิ
ประการแรก "เหตุใด ในประเทศไทย จึงมีโบราณสถานและโบราณวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมาก แต่ในอินเดียและเนปาล กลับมีไม่ถึง ๒๐๐ แห่ง
        "ทำไม พระเจ้าอโศกของอินเดียไม่ได้จารึกเรื่องสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ไว้ในเสาหินอโศก ทั้งๆ ที่เป็นเหตุการณ์สำคัญมากตามที่บัญญัติไว้ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา.....
       
        
ประการที่ ๒ "ทำไมปีที่ขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอโศกอินเดีย (พ.ศ.๒๖๙-๓๐๖) จึงไม่ตรงกับข้อมูลที่เกี่ยวกับพระเจ้าอโศก (พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช) ที่ระบุในพระปฐมสมโพธิกถาว่า กระทำสังคายนาพระไตรปิฎก พ.ศ. ๒๓๕ และสิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๕๙ พระเจ้าอโศกอินเดีย กับพระเจ้าอโศกไทย จะเป็นคนละองค์กันหรือไม่....พระเจ้าอโศกในพระไตรปิฎกขึ้นครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๘ แต่พระเจ้าอโศกอินเดีย ครองราชย์ พ.ศ. ๒๖๙ ต่างกัน ๕๑ ปี
        พระเจ้าอโศกมหาราชเก่งมาก ทำไมพ่ายแพ้พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช? จากการศึกษาพบว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ตีอินเดียใน ๖๒ ปี  ก่อนพระเจ้าอโศกอินเดียขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ.๒๐๗ ดังนั้น พระเจ้าอโศกอินเดียเจ้าของเสาหินอโศก จึงเป็นคนละองค์กับพระเจ้าอโศก หรือพระเจ้าศรีธรรมาโสกราช ในพระไตรปิฎก
        ประการที่ ๓ ทำไมเสาหินอโศก ไม่มีจารึกเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญ ๓ เรื่อง คือ(๑) การสังคายนาพระไตรปิฏก ในพ.ศ. ๒๓๕ (๒) การจัดพระสึก หกหมื่นรูป และ (๓) การบวชของโอรสและธิดา คือ พระมหินทรเถระ และพระอมิตาเถรีในลังกาทวีป
        ประการที่ ๔ ชื่อเมือง สถานที่ที่ปรากฏในอินเดีย มันมีอยู่จริงไหม หรือว่า เพิ่งเกิดขึ้นตามที่พระธรรมเจดีย์ (ปาน) แห่งวัดมหรรณ์ ประท้วงว่า แขกจากเมืองกาสี ๘ คนมาเรี่ยรายเงินไปทำนุบำรุงพุทธคยาและนำพระไตรปิฏกไป และกลับมาพร้อมแผนที่ใหม่ที่มีชื่อเมืองจากพระไตรปิฏกปรากฎ

        ประการที่ ๕ ทำไมในประเทศไทยมีโบราณสถานเกี่ยวกับพุทธศาสนาพระ เช่น พระพุทธบาท พระพุทธฉาย เป็นพันเป็นหมื่นแห่ง แต่อินเดียมีเพียง ๑๒๑ แห่ง
        ประการที่ ๖ ทำไมช่วงเวลาเข้าพรรษา คือกลางเดือนแปด ถึงกลางเดือน ๑๑ ทำไมตรงกับเมืองไทยพอดี?' ฯลฯ

         ข้อสงสัยเหล่านี้ ประจวบกับ ข้อมูลที่ไม่ตรงกันระหว่างสภาพจริงในอินเดีย และในพระไตรปิฎก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ประเพณี วิถีชีวิต โบราณคดี สถาปัตยกรรม ภาษา หลักฐาน/ตำนานไทย ฯลฯ ประกอบกับงานเขียนของพระธรรมเจดีย์ (ปาน) จุดชนวนทำให้พวกเราทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ขึ้น

วัตถุประสงค์การวิจัย

        ๑) เพื่อพิสูจน์ว่า ชมพูทวีป คือ ดินแดนสุวรรณภูมิ และนำไปสู่การพิสูจน์ว่า พระพุทธอุบัติภูมิอยู่ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

        ๒) เพื่อศึกษาร่องรอยการประสูติ ตรีสรู้ ปฐมเทศนา การเผยแผ่ศาสนา และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

        ๓) เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับสังเวชนียสถานทั้ง ๔ คือ สถานที่ประสูติ ตรีสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเมืองต่างๆ ในพระไตรปิฎก

ขั้นตอนการวิจัย
        ระยะที่ ๑ วิจัยเอกสาร (๒๕๔๒-๒๕๔๙)-ศึกษาเอกสารจากพระไตรปิฎก อรรถกถาจารย์ เอกสารโบราณทางพระพุทธศาสนา ศิลาจารึก พงศาวดาร และตำนาน และสัมภาษณ์ผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน ๙๐ ปี หรือผู้ที่ยังไม่ถูกครอบงำด้วยแนวคิดประวัติพระพุทธศาสนาจากตะวันตกและอินเดีย
ระยะที ๒ ศึกษาภาคสนาม (๒๕๔๙-๒๕๕๓) -เดินทางไปศึกษาแนวลึกตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาร่องรอยการประสูติ ตรัสรู้ เผยแผ่ศาสนา และปรินิพพานทั้งในประเทศไทยและใกล้เคียง รวมทั้งในประเทศอินเดียและเนปาล

        ระยะที่ ๓ วิเคราะห์และหาข้อสรุป (๒๕๕๓-๒๕๖๐) เพื่อกำหนดสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน พร้อมทั่งระบุเมืองต่างๆ จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ได้จากการวิจัยระยะที่ ๑ และ ๒

       ระยะเวลาวิจัยและเป้าหมายอาจเปลี่ยนแปลงจากที่กำหนดไว้ ขณะนี้ณะผู้วิจัย กำลังจัดตั้งกองทุนเพื่อดำเนินการวิจัยให้ได้คำตอบที่แท้จริง

ทว่า ประเทศอินเดีย กลายเป็นอู่วัฒนธรรมได้อย่างไร และทำไม พระเจ้า” ของไทย คือ พระพุทธองค์ และ

พระพุทธศาสนาจึงถูกโยกย้ายจากแหล่งเกิดในสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไทย ลาว เขมร พม่า และมอญ ไปยัง

อินเดีย ทำไมฝรั่งจึงไม่เฉลียวใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฉบับดั้งเดิมและหลักฐานจารึกและใบ

ลานที่มีอยู่แล้วอย่างมากมายมหาศาลในประเทศต่างๆ ในสุวรรณภูมิ

คำตอบก็มีอยู่แล้วในงานเขียนของนักโบราณคดีอังกฤษ ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนหลายแห่งในหนังสือของ

John Keay

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น